โรคเบาหวานเป็นโรคที่ผู้คนส่วนใหญ่รู้จักกันพอควร แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ ความสำคัญของการรักษาโรคนี้นัก แพทย์เองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรักษา ผู้ป่วยเบาหวานเป็นอย่างดี แพทย์หลายๆท่านรักษาเบาหวาน เฉพาะเพียงลดระดับ น้ำตาลในเลือดเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว โรคเบาหวาน ไม่ใช่แค่ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เท่านั้น แต่เป็นโรคร้าย ที่หากไม่ได้รับดูแลอย่างดีแล้ว จะเกิดผลเสียตามมามากมาย ..... หมอโรคหัวใจ และ หมอโรคไต ทราบดี เพราะผู้ป่วยโรคหัวใจ และ ไตวายเรื้อรังส่วนใหญ่ เป็นเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นความผิดปกติเนื่องจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในร่างกายไปใช้ได้อย่างเต็มที่ สาเหตุเนื่องจากขาดฮอร์โมน อินซูลิน หรือ ไม่ขาดฮอร์โมน แต่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อ ฮอร์โมนตัวนี้ ผลที่ตามมาคือระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ปัจจุบัน หากระดับน้ำตาล ในเลือดที่เจาะหลังงดอาหาร 6 ชั่วโมงแล้ว ยังสูงกว่า 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร เราก็เรียกได้ว่าเป็น "โรคเบาหวาน" ได้แล้วครับ
ระดับน้ำตาลที่สูงนี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหา ต่างๆตามมา ที่สำคัญคือเป็นตัว การเร่งให้เกิดการเสื่อมของหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย ทั้งหลอดเลือดแดงที่เลี้ยง สมอง หัวใจ ตา ไต แขน-ขา รวมทั้ง หลอดเลือดแดงเล็กๆที่เลี้ยง ปลายประสาทอีกด้วย ทำให้เกิดการตีบตันของหลอดเลือดแดงเหล่านี้ ดังนั้นจะเห็นว่า "โรคเบาหวาน" เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อ โรคทางสมอง อัมพาต โรคระบบประสาท โรคหัวใจ โรคไต โรคตา แม้กระทั่งโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือ ED ด้วย
หลักสำคัญในการรักษาผู้ป่วยเบาหวาน ที่ผู้ป่วยควรทราบ
* ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติให้มากที่สุดตลอดเวลา การที่จะ ทำเช่นนั้นได้ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างมากจากผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย (ประเภทหวังดี ซื้อของมาให้รับประทาน หรือ ให้คำแนะนำผิดๆ) โดยการควบคุมอาหารอย่างเคร่ง ครัด รับประทานยาตามสั่ง ออกกำลังกายตามสมควร ลดน้ำหนัก หากยาไม่ได้ผลดีก็ จำเป็นต้องฉีดอินซูลิน
* หากมีความดันโลหิตสูงก็จำเป็นที่จะต้องลดความดันโลหิตให้น้อยกว่า หรือ ใกล้เคียง 130/80 มม.ปรอท ทั้งนี้ต้องไม่มีผลแทรกซ้อนจากยาลดความดันโลหิตด้วย จะสามารถ ป้องกัน หรือ ชลอภาวะไตวายได้
* ลดไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดลงมากๆ โดยใช้ค่า LDL-Cholesterol เป็นเกณฑ์ ให้ LDL-C น้อยกว่า 100 มก./ดล. เทียบเท่าผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่ เนื่องจากผู้ป่วย เบาหวานแทบทุกรายมีการตีบตันของหลอดเลือดหัวใจซ่อนอยู่ด้วย การลดระดับ ไขมันในเลือดลงมากๆ (Cholesterol) จะช่วยลดปัญหาแทรกซ้อนทางหัวใจลง ปัจจุบันยาที่ใช้ลดไขมันคอเลสเตอรอลได้ดีมากที่สุด คือ ยากลุ่ม statins
* แนะนำให้ผู้ป่วยพบจักษุแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อป้องกันตาบอดจากเบาหวานขึ้นตา จอประสาทตาเสื่อม
* แนะนำให้ผู้ป่วยดูแลตนเองที่บ้าน อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง การดูแลเท้า ผิวหนัง (โอกาสเกิดแผลที่เท้า และ ทำให้ต้องตัดเท้าพบได้บ่อยๆ)
จะเห็นว่า การรักษาโรคเบาหวาน ไม่ใช่แค่การไปเจาะเลือด ดูน้ำตาลในเลือด แล้วจัด ยาเฉยๆ แต่การรักษาเบาหวานที่ได้มาตรฐาน จะเป็นการดูแลผู้ป่วยทุกระบบ โดยหวัง ว่าการดูแลอย่างดี จะช่วยป้องกันผลแทรกซ้อนที่ร้ายแรงจากเบาหวานได้ เช่น อัมพาต ไตวาย ตาบอด กล้ามเนื้อหัวใจตาย เป็นต้น การรักษาเบาหวานให้ดี จึงไม่ใช่เรื่อง "หมูๆ" หรือ "หวานๆ" อย่างที่คิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น