วันพฤหัสบดี, กันยายน ๑๔, ๒๕๔๙

โสม

โสม Ginseng (วงศ์ Araliaceae)
โสมเกาหลี โสมคน Panax ginseng C.A. Mayer
โสมอเมริกัน Panax quinquefolium L.
ชื่อทางพฤกษศาสตร์ของโสมมาจาก pan หมายถึงทั้งหมด ax หมายถึงการรักษา
gin หมายถึงคน และ seng หมายถึงเครื่องหอม
Ginseng เป็นภาษาจีน แปลว่า man-root หมายถึง รากไม้ที่มีรูปร่างคล้ายคน เพราะรากจะอวบ มองดูคล้ายมีหัว แขน และขา จึงเรียกว่า "โสมคน" (man-root) โสมมีอายุหลายปี มีถิ่นกำเนิดในเกาหลี จีน โซเวียต ญี่ปุ่น อเมริกา และคานาดา เป็นพืชที่ปลูกยาก ต้องการภูมิอากาศเฉพาะ ลักษณะโดยทั่วไปของ โสมเป็นพืชโตช้า ถ้าเพาะจากเมล็ดต้องใช้เวลาถึง 5-6 ปี จึงจะใช้ได้ ในปีแรกต้น จะสูงเพียง 1 ฟุต มีใบ 1 ใบ เป็นใบประกอบมี 3-5 ใบย่อย จากนั้นจะมีใบเพิ่มขึ้นปีละ 1 ใบ ปีที่ 3 จะเริ่มออกดอก มีก้านดอกยาวชู ออกมาจากยอด ดอกเป็นช่อแบบซี่ร่ม สีม่วง ออกประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน ผลกลมสีเขียว เมื่อสุก จะเป็นสีแดง เมื่ออายุ 4-5 ปี ต้นจะสูงประมาณ 2 ฟุต รากโสมที่นำมาใช้เป็นยาต้องมีอายุ 3-7 ปี จะเก็บ รากโสมราวเดือนกุมภาพันธ์ก่อนจะออกดอกจะเป็น ช่วงที่มีสารสำคัญมากสุด

โสมเกาหลี มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนเหนือ และเกาหลี แต่ปัจจุบันปลูกได้ทั้ง จีน เกาหลี รัสเซีย และญี่ปุ่น เป็นไม้ล้มลุก ขนาด 60-80 ซม. ใบเป็นใบประกอบมี 3 ใบย่อย ใบจะเพิ่มขึ้นปีละ 1 ใบ ดอกสีขาวออกเป็นช่อ ผลขนาดเล็ก เมื่อสุกจะเป็นสีแดง รากจะอวบแตกเป็นแขนง 2 อัน คล้ายขาคน ดูทั้งรากคล้ายคนจึงเรียก "โสมคน" รากแก่ ยาว 8-20 ซม.
โสมเกาหลีปลูกยาก ต้องปลูกในที่ที่ไม่เคยปลูกโสมมาก่อนในช่วงเวลา 10-15 ปี ต้องมีแสงไม่มาก และต้องเอาใจใส่ดูแล อย่างดี ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดจากต้นแก่ มีอายุ 4 ปีขึ้นไป และต้องนำเมล็ดมา ปลูกทันที หากทิ้งให้แห้งจะไม่ขึ้น ถ้านำเมล็ดมาฝัง ในที่ชื้นทันที จะงอกใน 8 เดือน แต่ถ้าทิ้งเมล็ดไว้ 4 เดือนจึงนำมาปลูก ในที่ชื้นจะใช้เวลา 19 เดือนจึงจะงอก โสมชอบดินเหนียว pH ประมาณ 5.5-6.0 อุณหภูมิ 0-15 องศา ไม่ชอบแดด จึงต้องทำร่มบังให้ ภูมิอากาศในประเทศไทยไม่เหมาะสำหรับโสม จึงยังไม่สามารถปลูกโสมได้

โสมที่ใช้ทางยาต้องมีอายุ 5-6 ปี จะเก็บผลสุกและเมล็ดแล้วจึงเก็บราก
โสมเกาหลีมี 2 ชนิด ขึ้นกับกรรมวิธีในการทำให้แห้ง

โสมขาว (White Ginseng) นำรากโสมที่ล้างสะอาดมาตากแดดหรืออบให้แห้งทันที
โสมแดง (Red Ginseng) นำรากโสมที่คัดเอาเฉพาะที่ดีๆมาล้างให้สะอาด แล้วอบด้วยไอน้ำ 120-130 ํc. เป็นเวลา 2-4 ชั่วโมง จนเป็นสีน้ำตาลแดง แล้วจึงนำไปอบให้แห้ง จะเป็นสีน้ำตาลแดง (ใส) และจะมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์เพิ่มขึ้นอีก 4 ชนิด ราคาแพงกว่าโสมขาว
โสมอเมริกัน เป็นพืชที่มีถิ่นกำหนิดในสหรัฐอเมริกา ต้นสูงประมาณ 30 ซม. ใบประกอบมีใบย่อย 5 ใบ ดอกสีขาวเหลืองเป็นช่อผลสุกแดง รากแก่ยาว 5-10 ซม. แตกเป็นหลายแขนงคล้ายซ่อม มีรอยย่นตามขวาง ขยายพันธุ์โดยเมล็ด นำไปฝังทรายที่ชื้น ลึก 1.25 ซม. ในที่เย็น เป็นเวลา 18 เดือน จึงนำไปปลูกลงแปลงได้ ชอบดินร่วน การระบายน้ำดี เก็บรากเมื่ออายุ 5-7 ปี ตากให้แห้งในที่ร่ม และใช้เวลาถึง 6 สัปดาห์ หรือ อบในตู้อบที่มีอากาศถ่ายเทได้ให้ความร้อน 60-80 ํF 2-3 วัน แล้วเพิ่มเป็น 90 ํF
ในตำรายาจีนกล่าวถึงสรรพคุณของโสมว่า เป็นยาบำรุงกำลัง ยากระตุ้น ยาเร่งกำหนัด รักษาอาการ ทางประสาท อ่อนเพลีย ไม่มีแรง อาหารไม่ย่อย หัวใจเต้นแรงผิดปกติ โรคหอบหืด โรคความจำเสื่อม ปวดศีรษะ ชัก และมะเร็ง และเชื่อกันว่าโสม เพิ่มความต้านทานต่อโรค ทำให้ฟื้นไข้เร็ว
มีคำแนะนำว่าไม่ควรใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานเกิน 1 เดือนต่อครั้ง

ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
สารประกอบเคมีที่สำคัญในโสม
เป็นสารกลุ่ม Triterpenoid saponins มีอย่างน้อย 12 ชนิด เรียกว่า จินเซ็นโนไซด์ (Ginsenosides) หรือพาแนกโซไซด์ (panaxosides)

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและการนำไปใช้รักษาโรค
1. ฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง
ปริมาณน้อย ๆ จะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้กระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่า สมอง ปลอดโปร่ง ไม่ง่วงเหงาหาวนอน แต่ถ้าให้ปริมาณมากๆจะกดประสาททำให้ซึม
2. ฤทธิ์ต่อความดันโลหิต
โสมเกาหลีทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น (มี ginsenoside Rg1 )
โสมอเมริกันทำให้ความดันโลหิตลดลง (มี ginsenoside Rb1)
3. ลดน้ำตาลในเลือด โดยรับประทานโสมวันละ 2.7 กรัม 3 เดือน น้ำตาลในเลือดจะลดลง
4. เพิ่มความต้านทานต่ออิทธิพลภายนอกที่เข้ามากระทบ เช่น ความเครียด ความเหนื่อยล้า โรคภัยไข้เจ็บ (เช่น มะเร็ง) สารที่ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเพิ่มความต้านทานโรคได้นี้ เรียกว่า "Adaptogenic Agent"
5. รักษาและป้องกันโรคผนังเส้นเลือดแดงใหญ่หนาและแข็ง (atherosclerosis) โดยไปช่วยทำให้ cholesterol เกาะผนังหลอดเลือด ได้น้อยลง
6. เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้กล้ามเนื้อมีความสามารถดีขึ้น ใช้กับพวกนักกีฬาประเภทต่างๆ เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง
7. ฤทธิ์ลดไขมันในเลือด มีการทดลองทั้งในสัตว์ทดลองและในคน พบว่าคนที่รับประทานรากโสม ขนาดวันละ 2.5 กรัมเป็นเวลา 3-4 เดือน ปริมาณ cholesterol ในเลือดจะลดลง แต่มีข้อแนะนำว่าไม่ควร รับประทานโสมติดต่อกันเกิน 1 เดือน จึงไม่สมควรใช้
8. ฤทธิ์ต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด อันเป็นสาเหตุของการอุดตันของหลอดเลือด
9. ฤทธิ์ต้านพิษต่อตับ โสมสามารถป้องกันการเกิดพิษต่อตับอันเกิดจาก คลอโรฟอร์ม คาร์บอนเตตระคลอไรด์ และแอลกอฮอล์ได้
10. ชะลอความแก่ สารสกัดจากโสมมีฤทธิ์เป็น antioxidant ต้านการเกิด free radicals ซึ่งเป็น สาเหตุให้เซลล์แก่เร็ว
โดยปกติโสมเป็นสมุนไพรที่ไม่ได้มีการนำไปใช้รักษาโรคชนิดหนึ่งชนิดใดโดยเฉพาะเจาะจง แต่จะมี ผลกว้าง เพื่อเสริมสร้างความต้านทานของร่างกายต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยไปต้านทาน การเกิดโรค เช่น บำรุงร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร ลดอาการนอนไม่หลับ เครียด เหนื่อยล้า หรือเพิ่มความ ต้านทานในโรคมะเร็ง แต่ไม่สามารถรักษาโรคมะเร็ง ให้หายได้
โสมชนิดอื่นๆซึ่งอยู่ในวงศ์ Araliaceae เช่นเดียวกับโสมเกาหลี แต่ออกฤทธิ์ ไม่เหมือนกัน

โสมชานสี โสมจีน (Sanchi Ginseng) เป็นรากของ Panax notoginseng Burk. (P.wangianus Sun.) เป็นโสมที่ปลูก ในประเทศจีน มณฑลยูนนานและกวางสี และบางส่วนของเวียดนาม ในตำรายาจีนใช้ห้ามเลือด ฟกช้ำ บวม

โสมญี่ปุ่น (Japanese Chitkusetsu Ginseng) เป็นรากของ P. pseudoginseng Wall.subsp. japonicus Hara (P.japonicus C.A.Meyer) ในญี่ปุ่นใช้แทนโสมเกาหลี แต่ฤทธิ์อ่อนกว่า แก้ปวดท้อง เกร็ง

โสมฮิมาลายัน ได้จาก P.pseudoginseng subsp. himalacus Hara ขึ้นทั่วไปในเนปาล และ มณฑลฮิมาลายันตะวันออก

โสมไซบีเรีย (Siberian Ginseng) ได้จากรากของ Eleutherococcus senticosus Maxim (Acanthopanax sentocosus Harms.)
ส่วนที่เรียกว่าโสมที่มีปลูกในประเทศไทยเป็นพืชวงศ์อื่นที่ไม่ใช่วงศ์ Araliaceae ไม่มีสารสำคัญหรือ ประโยชน์ใดๆ เหมือนกับโสมเกาหลีเลย เป็นเพียงพืชผักที่ใช้เป็นอาหาร บางชนิดอาจมีรากรูปร่างคล้าย รากโสมเกาหลีเท่านั้น มีดังนี้
โสม โสมคน : Talinum paniculatum Gaertn. (T.patens Willd.) วงศ์ Portulacaceae
โสมเกาหลี โสมคน โสมจีน : Talinum triangulare Willd.วงศ์ Portulacaceae

วันอาทิตย์, กันยายน ๑๐, ๒๕๔๙

แคลเซียม นั้น สำคัญฉะนี้

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญในการสร้างและรักษาความแข็งแกร่งของกระดูกในคนเรา รวมไปถึงสร้างความแข็งแรงของฟันและกล้ามเนื้อให้มีสุขภาพดีด้วย

คงมีหลายคนสงสัยว่าจะเริ่มรับประทานแคลเซียมให้มากในช่วงวัยใดจึงจะดี จากข้อมูลพบว่า การรับแคลเซียมตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นนับว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญมาก ในการสร้างกระดูกในช่วงถัดไปของชีวิต และยังป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อีกต่างหาก

มวลกระดูกของคนเรานั้นจะเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 30 หรือ 35 ปี สำหรับอาหารที่มีแคลเซียมอยู่มากนั้นจะอยู่ในอาหารประเภทนม ชีส โยเกิร์ต และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนมจะเป็นตัวช่วยสร้างมวลกระดูกขึ้นมา นอกจากนี้ในอาหารจำพวกผักใบเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดอัลมอนด์ และผลไม้ ก็มีแคลเซียมอยู่ไม่น้อย

เนื่องจากเซลล์ในกระดูกจะถูกทำลายอยู่เสมอและมีการสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่ ดังนั้น ร่างกายจึงต้องการแคลเซียมเพื่อมาใช้ในกระบวนการนี้ ถ้าหากร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ จะส่งผลให้กระดูกอ่อนแอได้

แล้วจะรับประทานแคลเซียมในปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอ ต่อคำถามนี้ก็ต้องยกคำแนะนำจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ ฮาร์วาร์ด ในสหรัฐฯ ที่บอกไว้ว่าควรรับแคลเซียมให้ได้ เฉลี่ยประมาณวันละ 550 มิลลิกรัม แต่ปริมาณที่ว่านั้นก็ยังขึ้นอยู่กับอายุที่ต่างกันไปด้วย ถ้าอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 19-50 ปี ควรได้รับแคลเซียมประมาณ 1,000 มิลลิกรัม แต่ถ้าอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรจะให้ได้ปริมาณวันละ 1,200 มิลลิกรัม

เพราะฉะนั้น ก่อนรับประทานอาหารวันนี้ ก็อย่าลืมว่าได้กินอาหาร ที่มีส่วนประกอบของแคลเซียมไปด้วยหรือยัง.

สมัครกิฟฟารีน เพื่อโอกาศที่ดีของชีวิต

เป็นเรื่องราวของผู้ชายสองคนที่เกิดในวันเดียวกัน ในโรงพยาบาลแห่งเดียวกัน เรียกได้ว่าตอนเกิดพวกเขาไม่มีอะไรแตกต่างกันแม้แต่อย่างเดียว

แต่ความแตกต่างของทั้งสองคนเริ่มต้นขึ้นในตอนออกจากโรงพยาบาล พ่อแม่มารับพวกเขาฐานะแตกต่างกันมาก คนหนึ่งพ่อแม่มีฐานะดีเป็นเจ้าของกิจการ ขับรถเบนซ์มารับลูก ขณะที่อีกคนหนึ่งแม่ขายขนมครก อาศัยรถสามล้อที่พ่อยึดเป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพ ขับมารับลูกออกจากโรงพยาบาล ด้วยเหตนี้ชะตาชีวิตของเด็กน้อยทั้งสองคนจึงต่างกัน


เด็กน้อยทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนกันเพราะบ้านอาศัยใกล้กัน หากแต่มีถนนมาตัดแบ่งความเป็นอยู่ให้ห่างไกลกันลิบลับ ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งยังต้องช่วยแม่แคะขนมครกหาเงินยังชีพ ก่อนจะได้ไปโรงเรียน แต่อีกฝ่ายหนึ่งได้นั้งรถเก๋งไปโรงเรียนสบายๆในทุกๆวัน


เมื่อโตขึ้นมา ทั้งคู่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ในวันรับปริญญาพ่อแม่ของทั้งคู่ต่างเข้ามาแสดงความยินดี แต่นอกเหนือจากรอยยิ้มและความปลื้มปิติของแม่ที่มีให้แล้ว พ่อแม่ที่มีฐานะดีกว่า ยังมีของขวัญพิเศษราคาแพงมาแสดงความยินดีให้กับลูกชายคนเก่งของพวกเค้าอีกด้วย แต่พระเอกในเรื่องคงมีเพียงรอยยิ้มของคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นกำลังใจให้เขามาโดยตลอด

และวันฟ้าใสหลังฝนตกก็มาถึง เมื่อพระเอกในเรื่องของเราได้พบกับเพื่อนคนเดิมในวันฝนตกเด็กหนุ่มคนที่ฐานะดีกว่า ขณะยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายเขาเจอเพื่อนเก่าขับรถคันใหม่ที่เพิ่งได้รับมาโฉบผ่านหน้า เด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มแย้มทักทายพระเอกของเราจากในรถแล้วจากไป

พระเอกหนุ่มที่ยังยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์คิดกับตัวเองว่าแม้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา สิ่งที่เขาได้รับจะแตกต่างกับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมๆกันกับเขา แต่ถึงวันนี้เขารู้แล้วว่า อดีตที่ผ่านมาเลือกและเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ แต่วันนี้เขาสามารถกำหนดชีวิตตัวเองได้ ถ้ายอมรับคำว่า "โอกาส"

สนใจสมัครเป็นสมาชิก "ทำธุรกิจกิฟฟารีน" สอบถามเพิ่มเติมที่
0-9135-0302
0-5904-2600
0-2912-0302

ส่งเมล์

กฏของการทำ กิฟฟารีน

1. พึงยึดมั่นในกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
“ จงปฎิบัติต่อผู้อื่น ดังเช่นที่คุณปรารถนาจะให้ผู้อื่นปฎิบัติต่อคุณ ” สิ่งนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของสมาชิกสกายไลน์ทุกคนที่ต้องยึดมั่นและปฎิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ทั้งการกระทำและจิตใจ การฝ่าฝืนกฎระเบียบจะนำมาสู่การเพิกถอนสถานภาพกรเป็นสมาชิก
2. อย่าชักชวนผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนสมัครเป็นสมาชิก
ผู้สมัคร จะต้องมีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ เพราะจะต้องมีความรับผิดชอบในหลาย ๆ ด้าน เช่น การทำ
นิติกรรม การบริหารองค์กร การปฎิบัติตามระเบียบปฎิบัติและความรับผิดชอบด้านการเงิน
- กรณีของสามีภรรยา ให้สมัครร่วมกัน โดยใช้รหัสสมาชิกเดียวกัน
- ผุ้สมัคร ต้องไม่มีชื่อในทะเบียนสมาชิกของบริษัทฯ มาก่อน

3. อย่าพูดเกินจริงถึงรายได้ที่จะได้รับจากธุรกิจสกายไลน์
จงแสดงแผนการขยายงานและแผนการตลาดของสกายไลน์อย่างชัดเจนและถูกต้อง พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจสกายไลน์ คือ โอกาสในการเสริมสร้างผลงานที่สามารถบรรลุถึงเป้าหมายซที่นำมาซึ่งรายได้และสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ซึ่งต้องอาสัยองค์ประกอบที่สำคัญ คือ การทำงานด้วยความมานะพยายามและความตั้งใจจริง
4. อย่าขายตัดราคา
จงขายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าตามราคาที่บริษัทฯ กำหนดไว้ในแคตตาล็อกอย่างเคร่งครัด การขายตัดราคานั้น จะลดผล