วันศุกร์, มิถุนายน ๒๙, ๒๕๕๐

ชาเขียว

ชาเขียวอุดมไปด้วยประโยชน์มากมายต่อร่างกาย ที่นอกจากจะให้ความสดชื่น แจ่มใสแล้ว ยังให้สรรพคุณดังต่อไปนี้
กำจัดเนื้อร้าย
บรรดานักวิจัยพบว่า Epigallocatechin (EGC)ในชาเขียวมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ที่จำเป็นต่อการเติบโตหรือการลุกลามของเซลล์มะเร็ง และสามารถทำลายหรือฆ่าเซลล์มะเร็งได้โดยไม่มีผลกระทบกับเซลล์ดีอื่นๆ ในร่างกาย จากการศึกษาวิจัยโดยมหาวิทยาลัยเพอร์ดู สหรัฐอเมริกา พบว่า ถ้าดื่มชาเขียวเป็นปริมาณมากกว่าสี่ถ้วยต่อวัน ร่างกายของเราจะได้รับสาร EGCที่ช่วยชะลอและป้องกันการเติบโตของเซลล์มะเร็งยังมีผลการวิจัยอื่นๆ อีกพบว่า ชาเขียวอาจจะเป็นอาวุธที่ใช้กำจัดบรรดาเนื้อร้ายต่างๆ ให้ราบคาบลงได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งในกระเพาะอาหารมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งในหลอดอาหาร และมะเร็งในตับเป็นต้น
เรื่องของหัวใจ ???
มีการศึกษาว่า การดื่มชาเขียวช่วยลดอัตราการเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) นักวิจัยกล่าวว่าสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวน่าจะช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDL-low density lipoprotein) ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่ดี ไม่ให้ปริมาณสูงจนเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดการก่อตัวของก้อนไขมันและส่งผลให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดได้ จากผลการวิจัยอื่นๆ ยังพบอีกว่า ชาเขียวมีสรรพคุณ เทียบเท่ายาแอสไพรินการช่วยยับยั้งการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจวาย และหลอดเลือดสมองพุแห่งวัยหนุ่มสาว
มีการพิสูจน์แล้วว่าสารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวสามารถช่วยชะลอความชราและคงความเยาว์วัยได้ (โอ้โฮ้ ! อะไรจะดีปานนั้น) สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวไม่เพียงแต่จะมีประสิทธิภาพสูงมากกว่าวิตามินซีถึง 100 เท่า แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินอีอีกถึง 25 เท่าในการทำลายอนุมูลอิสระต้านโรคไขข้ออักเสบ
กล่าวกันว่าชาเขียวช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบ รูห์มาติก (rheumatoid arthritis) ที่มักจะเกิดกับสตรีวัยกลางคน อาการของโรคโดยทั่วไปคือ มีอาการของการอักเสบบวมแดง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและข้อต่อลดระดับคอเลสเทอรอล
ขณะที่กาแฟเพิ่มระดับคอเลสเทอรอล ชาเขียวกลับช่วยลดระดับ คอเลสเทอรอล สารแคเทชินในชาเขียวช่วยทำลายคอเลสเทอรอลและกำจัดปริมาณของคอเรสเทอรอลในลำไส้ แค่นั้นยังไม่พอ ชาเขียวยังช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่พอดีอีกด้วย
ควบคุมน้ำหนัก
ถ้าคุณกำลังพยายามลดน้ำหนักอยู่ การจิบชาเขียวสามารถช่วยได้ดีทีเดียว จากการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์พบว่า ชาเขียวช่วยเร่งให้ร่างกายมีการเผาผลาญอาหารและไขมันมากขึ้นต่อสู้กลิ่นปากและแบคทีเรียในปาก
การดื่มชาเขียวนอกจากจะทำให้ร่างกายอบอุ่น แล้ว ยังช่วยทำให้ลมหายใจสดชื่นและป้องกันการติดเชื้อได้ด้วย จากการศึกษโดยมหาวิทยาลัยเพส สหรัฐอเมริกาพบว่า สารสกัดจากชาเขียวมีสรรพคุณในการต่อสู้กับแบคทีเรีย โดยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและทำลายจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆอันที่จริงแล้วพบว่าชาเขียวเป็นตัวช่วยยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากต่อสู้กับเชื้อไวรัสในปากโดยกำจักเชื้อแบคทีเรียป้องกันฟันผุ
ชาเขียวมีสรรพคุณช่วยป้องกันฟันผุโดยช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ชื่อ Streptococcus mutans ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดหินปูนที่มาเกาะฟัน รวมทั้งยังช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นปาก
ป้องกันเชื้อไวรัสเอชไอวี
เมื่อเร็วๆ นี้ มีการศึกษาพบว่า สารประกอบหลักในชาเขียวมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ข้อมูลในวารสารวิทยาภูมิคุ้มกันทางการแพทย์และโรคภูมิแพ้ฉบับประจำเดือนพฤศจิกายนได้ตีพิมพ์ไว้ว่า สารแคเเทชินในชาเขียวโดยเฉพาะพระเอกตัวเก่ง EGCG มีสรรพคุณป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า ชาเขียวเข้มข้นช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเอชไอวีจับตัวกับเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที่มีความสำคัญต่อภูมิคุ้มกันในร่างกายของคนเรา ที่เรียกว่า “ทีเซลล์” (T cells) ซึ่งเป็นด่านแรก ที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีได้ ถ้ามีผลการศึกษาเพิ่มเติมยืนยันผลการวิจัยดังกล่าวนี้ นักวิจัยกล่าวว่าจะนำสารในชาเขียวมาใช้ทดลองในการผลิตยาชนิดใหม่เพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อเอชไอวีผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้จากการบริโภค
ชาเขียว
อาจจะมีบางคนเกิดอาการแพ้เนื่องจากการบริโภคชาเขียวซึ่งพบไม่บ่อยนัก ซึ่งถ้าเกิดอาการดังกล่าวให้หยุดบริโภคชาเขียวและไปพบแพทย์โดยทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีอาการแพ้ที่รุนแรง เช่น หายใจติดขัดรู้สึกแน่นเหมือนมีอะไรติดคอ ริมฝีปาก ลิ้น และใบหน้าบวม หรือเป็นลมพิษ นอกจากนี้ ในบางคนที่บริโภคชาเขียวมากเกินไปเป็นระยะเวลานานอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งในหลอดอาหาร และอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยอื่นๆ เกิดขึ้นได้เช่นกัน ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ถ้าเกิดอาการอย่างเช่นอาการเสียดคอและหน้าอก ท้องเสีย เบื่ออาหารมีอาการท้องผูกหรือท้องร่วง มีอาการตกใจ หงุดหงิดง่าย และเป็นกังวล นอนไม่หลับ หัวใจเต้นผิดปกติหรือปวดศีรษะ หรืออาจมีผลข้างเคียงอื่นๆ ได้อีกนอกจากที่กล่าวมาแล้วให้รีบปรึกษาแพทย์ ถ้ามีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าอาจเกิดจากแพ้
นอกจากชาเขียวจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงใน บางคนแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ควรบริโภคชาเขียว หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค ได้แก่ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง ผู้ที่เป็นโรคไต ผู้เป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ (hyperthyroidismเป็นโรคที่เกิดจากการที่ ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกินไป) ผู้ที่กังวลง่ายหรือมีอาการผิดปกติทางระบบประสาท ผู้ที่มีเลือดออกผิดปกติ หรือมีการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ หรือผู้ป่วยที่กำลังรับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น วาร์ฟาริน (warfarin)

ไม่มีความคิดเห็น: